ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญหามลพิษทางอากาศได้กลายเป็นประเด็นที่คนไทยให้ความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่ต้องเผชิญกับฝุ่น PM2.5 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝุ่นขนาดเล็กนี้ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่สามารถแทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง ไปจนถึงปัญหาสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว นั่นจึงทำให้ “เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2025” กลายเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ขาดไม่ได้ในบ้านยุคใหม่ โดยเฉพาะ เครื่องฟอกอากาศในบ้าน หรือ เครื่องฟอกอากาศสำหรับห้องนอน ที่สามารถช่วยกรองอากาศภายในให้สะอาด ปลอดภัย ปราศจากฝุ่น ควัน กลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมถึงเชื้อโรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการพักผ่อนและการใช้ชีวิตในทุกวัน
บทความนี้ PRICEDED จะพาคุณไปสำรวจ 10 รุ่นเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 ที่ได้รับความนิยม ใช้งานได้จริง และคุ้มค่าทั้งในเรื่องประสิทธิภาพและราคา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเลือกเครื่องฟอกอากาศเพื่อตอบโจทย์ทั้งด้านสุขภาพ ความสะอาด และความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นบ้าน คอนโด หรือออฟฟิศเล็กๆ ที่ต้องการการฟอกอากาศคุณภาพสูง
10 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2025
1. Philips Air Purifier AC3220/10 ฟอกอากาศครอบคลุมพื้นที่ใหญ่ถึง 135 ตร.ม.
หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ที่สามารถจัดการกับฝุ่น PM2.5 และเชื้อโรคในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ Philips Air Purifier AC3220/10 ถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน ด้วยการออกแบบที่เรียบหรูและระบบฟอกอากาศแบบหลายชั้น เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างถึง 135 ตารางเมตร จึงเหมาะสำหรับห้องรับแขกขนาดใหญ่ พื้นที่สำนักงาน หรือบ้านที่มีพื้นที่โล่งเปิดกว้าง โดยใช้เทคโนโลยี VitaShield IPS ร่วมกับแผ่นกรอง NanoProtect HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กระดับ PM2.5 เชื้อแบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ AeraSense ที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์และปรับความแรงของพัดลมโดยอัตโนมัติตามระดับฝุ่นที่ตรวจพบ ช่วยให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าอากาศภายในห้องจะสะอาดและปลอดภัยอยู่เสมอ เหมาะสำหรับคนที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ ระบบทางเดินหายใจ และต้องการเครื่องฟอกอากาศที่ทำงานเงียบในขณะที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน
คุณสมบัติเด่น
- ฟอกอากาศครอบคลุมพื้นที่สูงสุด 135 ตร.ม.
- เทคโนโลยี VitaShield IPS กรองอนุภาคขนาดเล็กมากถึง 0.02 ไมครอน
- แผ่นกรอง NanoProtect HEPA และแผ่นกรองคาร์บอนแบบหนา
- ระบบเซนเซอร์ AeraSense ตรวจวัดคุณภาพอากาศและแสดงผลแบบเรียลไทม์
- โหมดอัตโนมัติ ปรับระดับลมตามคุณภาพอากาศ
- เสียงเงียบขณะทำงาน เหมาะสำหรับใช้เวลากลางคืน
- ระบบฟอกอากาศได้ทั้ง PM2.5, แบคทีเรีย, ไวรัส และสารก่อภูมิแพ้
- มีหน้าจอแสดงผลระดับคุณภาพอากาศแบบสี
- ผ่านการรับรองจาก ECARF และ Airmid Healthgroup
เหมาะสำหรับใคร
เครื่องฟอกอากาศ Philips AC3220/10 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีปัญหาฝุ่น PM2.5 หรืออยู่ในพื้นที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท เช่น คอนโดมิเนียมและบ้านปิดผนึก ผู้ที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวด้านระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด จะได้รับประโยชน์จากการฟอกอากาศที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการ เครื่องฟอกอากาศ PM2.5 สำหรับห้องขนาดใหญ่ ที่มีเทคโนโลยีชั้นนำและการใช้งานที่ง่าย ไม่ซับซ้อน หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศที่ใช้งานได้จริงและให้ผลลัพธ์ชัดเจนในการปรับคุณภาพอากาศในบ้าน รุ่นนี้ถือว่าน่าเชื่อถือและคุ้มค่าในระยะยาว
2. Dyson Purifier Cool Gen1 TP10 เครื่องฟอกอากาศดีไซน์พรีเมียม พร้อมพัดลมในตัว
Dyson Purifier Cool Gen1 TP10 ถือเป็นเครื่องฟอกอากาศระดับพรีเมียมจากแบรนด์ Dyson ที่ขึ้นชื่อในด้านนวัตกรรมการฟอกอากาศและดีไซน์ที่ล้ำสมัย รุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อให้ประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่ครอบคลุม ทั้งในเรื่องของการกรองฝุ่น PM2.5, ก๊าซที่เป็นอันตราย และกลิ่นไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันพัดลมในตัว ทำให้ใช้งานได้ทั้งปีไม่ว่าจะฤดูไหน ด้วยมาตรฐานการกรองอากาศที่ละเอียดระดับ HEPA 13 และการตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ทำให้ Dyson TP10 กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ที่มองหา เครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง สำหรับใช้ในบ้านหรือคอนโด
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยีกรองอากาศแบบ HEPA 13 ที่สามารถดักจับอนุภาคเล็กระดับ 0.1 ไมครอน ได้ถึง 99.95%
- ระบบฟอกอากาศแบบ 2-in-1 รวมทั้งฟังก์ชันพัดลมระบายอากาศ
- กรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ ก๊าซ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมถึง ฝุ่น PM2.5
- ระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ พร้อมแสดงผลผ่านหน้าจอ
- ดีไซน์ทันสมัย น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส
- มีการปิดเสียงขณะใช้งานกลางคืน (Night Mode) เพื่อความเงียบสงบในการนอนหลับ
- ไม่มีใบพัด หมดกังวลเรื่องความปลอดภัยสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง
เหมาะสำหรับใคร
Dyson TP10 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองหรือพื้นที่ที่มีปัญหามลภาวะสูง โดยเฉพาะผู้ที่แพ้ฝุ่น หรือเป็นโรคทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ หรือหอบหืด ด้วยความสามารถในการกรองฝุ่นละเอียด เชื้อโรค และ ไวรัสในอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ใส่ใจสุขภาพ รวมถึงผู้ที่ต้องการ เครื่องกรองฝุ่น ที่มีทั้งฟังก์ชันการใช้งานและดีไซน์ที่สวยงามในเครื่องเดียว นอกจากนี้ ยังเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานระยะยาวและไม่ต้องการเปลี่ยนเครื่องฟอกอากาศบ่อยครั้ง เพราะ Dyson ให้ความทนทานสูงและรองรับการใช้งานต่อเนื่องได้ดีเยี่ยม
3. Levoit Core 400S Air Purifier ควบคุมผ่านแอป กรองอากาศแม่นยำ รองรับ PM2.5
Levoit Core 400S เป็นเครื่องฟอกอากาศรุ่นยอดนิยมจากแบรนด์ Levoit ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในบ้านยุคใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการอากาศสะอาด ปลอดภัยจากฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ ตัวเครื่องรองรับการควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน VeSync และเชื่อมต่อกับระบบ Smart Home อย่าง Alexa และ Google Assistant ได้อย่างสะดวก ด้วยดีไซน์เรียบหรูทันสมัยและการทำงานที่เงียบไม่รบกวนการนอน Levoit 400S จึงเป็นหนึ่งในเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูงที่คุ้มค่าสำหรับการใช้งานในบ้านหรือคอนโด
คุณสมบัติเด่น
- กรองฝุ่น PM2.5, ควัน, กลิ่นไม่พึงประสงค์ และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบกรอง 3 ชั้น (Pre-filter, True HEPA Filter และ Activated Carbon Filter)
- รองรับการควบคุมผ่านแอป VeSync และสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Alexa หรือ Google Assistant
- มีเซนเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศแบบ Real-time และปรับระดับการฟอกอัตโนมัติตามค่าฝุ่นในอากาศ
- ครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 83 ตร.ม. (CADR สูงถึง 442 ลบ.ม./ชม.)
- โหมด Sleep ทำงานเงียบพิเศษเพียง 24 เดซิเบล เหมาะกับใช้งานในห้องนอน
- รับประกันนาน 2 ปีจากศูนย์ไทย
เหมาะสำหรับใคร
Levoit Core 400S เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่หรือพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นภูมิแพ้ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เนื่องจากตัวเครื่องสามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก เชื้อรา ละอองเกสร และขนสัตว์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่รองรับระบบ Smart Home เพื่อความสะดวกในการควบคุมจากทุกที่ผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
4. Blueair Blue Max 3250 ฟอกอากาศเร็วทันใจ สำหรับห้องขนาด 48 ตร.ม.
Blueair Blue Max 3250 คือหนึ่งในเครื่องฟอกอากาศที่ได้รับความนิยมสูงในตลาดสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพอากาศภายในบ้านหรือห้องทำงานที่ดียิ่งขึ้น โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีเฉพาะของ Blueair ที่เน้นการฟอกอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถกำจัดฝุ่นละออง PM2.5 เชื้อโรค และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่ถึง 15 นาที ซึ่งถือว่าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่ขนาดไม่เกิน 48 ตารางเมตร ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน ด้วยความเร็วในการฟอกอากาศสูงสุดภายใน 12.5 นาที ทำให้ Blueair Blue Max 3250 เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในเมือง หรือพื้นที่ที่มีมลภาวะสูง ต้องการอากาศสะอาดบริสุทธิ์ภายในบ้านอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
นอกจากนี้ รุ่นนี้ยังใช้ฟิลเตอร์แบบ HEPASilent™ ที่ช่วยดักจับอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่น PM 2.5, ละอองเกสร, เชื้อรา, สารก่อภูมิแพ้ รวมไปถึงควันบุหรี่และมลพิษจากการจราจร ซึ่งตอบโจทย์ผู้ที่มองหา เครื่องฟอกอากาศกรองฝุ่นละเอียด, เครื่องฟอกอากาศสำหรับคอนโด, หรือแม้แต่ เครื่องฟอกอากาศลดภูมิแพ้ ได้อย่างลงตัว
คุณสมบัติเด่น
- ฟอกอากาศครอบคลุมพื้นที่สูงสุด 48 ตารางเมตร
- ฟอกอากาศได้เร็วสูงสุดภายใน 12.5 นาที
- ใช้เทคโนโลยี HEPASilent™ ประสิทธิภาพสูง
- ลดฝุ่น PM2.5, ควัน, สารก่อภูมิแพ้ และกลิ่นไม่พึงประสงค์
- การทำงานเงียบ เหมาะสำหรับใช้ในเวลากลางคืน
- ดีไซน์เรียบหรู ขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
- ปุ่มควบคุมง่ายต่อการใช้งาน
เหมาะสำหรับใคร
Blueair Blue Max 3250 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเมืองที่มีมลภาวะทางอากาศสูง หรือผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ ฝุ่น ควัน และสารระคายเคืองทางเดินหายใจต่างๆ นอกจากนี้ยังตอบโจทย์สำหรับผู้ที่กำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศในห้องนอน, เครื่องฟอกอากาศในคอนโด, หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มคุณภาพชีวิตด้วยอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์
ด้วยความเร็วในการกรองอากาศที่เหนือกว่าหลายรุ่นในระดับราคาใกล้เคียงกัน Blueair Blue Max 3250 ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าและน่าลงทุนในระยะยาว ทั้งในด้านสุขภาพและความสบายใจของผู้ใช้งาน
5. Philips Air Purifier AC1715/21 ฟอกอากาศแรง กำจัดฝุ่นและไวรัสในห้อง
Philips Air Purifier รุ่น AC1715/21 เป็นเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อดูแลสุขภาพของคุณและครอบครัว ด้วยการกรองอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีปัญหาฝุ่น PM2.5 หรือผู้ที่เป็นภูมิแพ้ เครื่องนี้รองรับพื้นที่ใช้งานตั้งแต่ 25 ถึง 78 ตารางเมตร จึงเหมาะกับห้องนั่งเล่น ห้องนอนขนาดใหญ่ หรือแม้กระทั่งคอนโดแบบเปิดโล่ง ตัวเครื่องใช้ระบบฟอกอากาศหลายชั้นที่สามารถกำจัดฝุ่นละออง ไวรัส แบคทีเรีย และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีเซนเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศอัตโนมัติ และสามารถปรับความแรงของพัดลมตามสภาพอากาศภายในห้อง อีกทั้งยังมาพร้อมหน้าจอแสดงผลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ทำให้ผู้ใช้งานรับรู้สภาพอากาศในบ้านได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและคุณภาพชีวิต
คุณสมบัติเด่น
- รองรับพื้นที่ขนาด 25–78 ตารางเมตร เหมาะสำหรับห้องขนาดกลางถึงใหญ่
- ระบบกรองอากาศ 3 ชั้น: Pre-filter, HEPA Filter และ Activated Carbon
- ตรวจจับและแสดงค่าฝุ่น PM2.5 แบบเรียลไทม์ด้วยหน้าจอดิจิทัล
- โหมดอัตโนมัติช่วยปรับระดับการฟอกอากาศตามคุณภาพอากาศ
- เสียงเงียบขณะทำงาน เหมาะกับการใช้งานในเวลากลางคืน
- ดีไซน์ทันสมัย พกพาสะดวก เคลื่อนย้ายได้ง่าย
เหมาะสำหรับใคร
Philips AC1715/21 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพด้วยการฟอกอากาศภายในบ้านอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในยุคที่ปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่น PM2.5 และเชื้อโรคต่างๆ กลายเป็นเรื่องใกล้ตัว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาโรคภูมิแพ้ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นละอองสูง นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศที่ใช้งานง่าย ฟังก์ชันครบ และดีไซน์สวยงาม สามารถวางไว้ในห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือคอนโดโดยไม่เกะกะ LSI Keywords ที่สอดแทรกในเนื้อหานี้ ได้แก่ เครื่องฟอกอากาศ HEPA, เครื่องฟอกอากาศสำหรับห้องนอน, เครื่องฟอกอากาศ PM2.5, และ เครื่องฟอกอากาศลดภูมิแพ้ ซึ่งล้วนเป็นคำค้นที่ผู้บริโภคมักใช้ในการค้นหาเครื่องฟอกอากาศคุณภาพดี
6. Xiaomi Smart Air Purifier 4 ฟีเจอร์ครบ เชื่อมแอป ใช้งานง่าย ราคาคุ้ม
Xiaomi Smart Air Purifier 4 เวอร์ชั่นภาษาไทย เป็นเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานภายในบ้านและคอนโดในยุคที่ฝุ่นละออง PM2.5 กลายเป็นปัญหาหลักต่อสุขภาพ ด้วยดีไซน์เรียบหรู สไตล์มินิมอลในแบบฉบับ Xiaomi พร้อมฟังก์ชันควบคุมผ่านแอป Mi Home รองรับคำสั่งเสียงผ่าน Google Assistant และ Alexa รุ่นนี้สามารถกรองฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังรองรับพื้นที่ห้องขนาดกลางถึงใหญ่ (28–48 ตร.ม.) เหมาะกับบ้านยุคใหม่ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง ราคาเข้าถึงได้
ด้วยระบบกรองอากาศแบบ 3 ชั้นที่มีทั้ง Pre-Filter, Activated Carbon และ HEPA Filter รุ่นนี้สามารถดักจับฝุ่น PM2.5, ควันพิษ, ละอองเกสร, กลิ่นไม่พึงประสงค์ และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดเด่นคือหน้าจอ OLED ที่แสดงสถานะคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และโหมด Auto ที่ปรับระดับการทำงานตามสภาพอากาศในห้องโดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีเสียงเงียบขณะใช้งาน เหมาะกับการเปิดไว้ทั้งวันหรือแม้แต่ขณะนอนหลับ
ด้วยราคาที่คุ้มค่า ฟังก์ชันทันสมัย และการบำรุงรักษาที่ง่าย ทำให้ Xiaomi Smart Air Purifier 4 กลายเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่กำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศกรองฝุ่น PM2.5, เครื่องฟอกอากาศบ้าน, หรือ เครื่องฟอกอากาศสำหรับคอนโด ในปี 2025 นี้
คุณสมบัติเด่น
- กรองอากาศได้ครอบคลุมพื้นที่ 28–48 ตารางเมตร
- หน้าจอ OLED แสดงค่าฝุ่น PM2.5 แบบเรียลไทม์
- ควบคุมผ่านแอป Mi Home และรองรับคำสั่งเสียง
- ระบบกรองอากาศ 3 ชั้น (Pre-filter, HEPA, Activated Carbon)
- โหมดการทำงานอัตโนมัติและโหมดกลางคืนเสียงเงียบ
- ประหยัดพลังงาน และเปลี่ยนไส้กรองได้ง่าย
- ดีไซน์ทันสมัย เรียบหรู เข้ากับทุกมุมบ้าน
เหมาะสำหรับใคร
Xiaomi Smart Air Purifier 4 เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เมืองที่มีมลภาวะฝุ่น PM2.5 สูง เช่น กรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และสัตว์เลี้ยงในบ้าน นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่พักอาศัยในคอนโดหรืออพาร์ตเมนต์ขนาดกลางที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ ใช้งานง่าย ราคาคุ้มค่า และต้องการควบคุมผ่านสมาร์ตโฟนในชีวิตประจำวัน
หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะที่รองรับการกรอง PM2.5 ได้ดีเยี่ยม พร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัยในราคาประหยัด Xiaomi Smart Air Purifier 4 คือคำตอบที่ควรพิจารณาอย่างยิ่ง
7. SAMSUNG Air Purifier รุ่น AX32BG3100GBST เครื่องฟอกอากาศไซซ์กลาง จากแบรนด์คุณภาพ
SAMSUNG รุ่น AX32BG3100GBST เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ออกแบบมาอย่างเรียบหรู พร้อมประสิทธิภาพในการกรองอากาศที่เชื่อถือได้ รองรับการใช้งานในห้องขนาดไม่เกิน 41 ตารางเมตร รุ่นนี้มาพร้อมระบบกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และแผ่นกรอง HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่น เชื้อโรค และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีเซนเซอร์ตรวจจับคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ที่ช่วยให้ผู้ใช้รับรู้สภาพอากาศภายในห้องได้ทันที ซึ่งถือว่าเหมาะกับสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะทางอากาศ หรือบ้านที่อยู่ใกล้ถนนใหญ่
ไม่เพียงแค่ความสามารถในการฟอกอากาศ แต่ SAMSUNG AX32 ยังมีฟีเจอร์อัจฉริยะที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานยุคใหม่ เช่น โหมดทำงานเงียบสำหรับใช้ในตอนกลางคืน และหน้าจอแสดงสถานะคุณภาพอากาศที่มองเห็นได้ชัดเจน ทั้งหมดนี้ทำให้รุ่นนี้กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหา เครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง สำหรับห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องนั่งเล่นขนาดกลาง
คุณสมบัติเด่น
- กรองอากาศด้วยระบบ 3 ชั้น: Pre-filter, แผ่นกรอง HEPA, Activated Carbon Filter
- ตรวจจับและแสดงผลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์
- รองรับห้องขนาด 41 ตร.ม. เหมาะกับคอนโดหรือบ้านขนาดเล็ก-กลาง
- โหมดทำงานเงียบพิเศษ เหมาะสำหรับใช้งานตอนกลางคืน
- ดีไซน์เรียบหรู สีเบจเข้ากับเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์
- ประหยัดพลังงานและใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส
เหมาะสำหรับใคร
SAMSUNG AX32BG3100GBST เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 หรือครอบครัวที่มีเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่ต้องการอากาศสะอาดอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังตอบโจทย์คนที่มีอาการแพ้ฝุ่น หรือเป็นโรคภูมิแพ้ เพราะสามารถกำจัดอนุภาคขนาดเล็กและเชื้อโรคในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่ต้องการ เครื่องฟอกอากาศในห้องนอน หรือ เครื่องฟอกอากาศในคอนโด รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าทั้งในด้านฟังก์ชันและดีไซน์
8. Airdog X3Pro(D) Air Purifier ฟอกอากาศด้วยเทคโนโลยี TPA ไม่ต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์
Airdog X3Pro(D) Air Purifier เป็นเครื่องฟอกอากาศนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์การใช้งานในห้องขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ด้วยเทคโนโลยีกรองอากาศขั้นสูงที่แตกต่างจากเครื่องฟอกอากาศทั่วไป โดยใช้ระบบ TPA (Two Pole Active) ที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมาก เช่น PM 2.5, ควัน, ละอองเกสร และแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแผ่นกรองเหมือนเครื่องกรองแบบ HEPA ทั่วไป ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว อีกทั้งยังสามารถกำจัด เชื้อไวรัสในอากาศ ได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในเมืองที่มีปัญหามลภาวะ ฝุ่นควัน หรืออาศัยในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศไม่ดี Airdog X3Pro(D) ยังมาพร้อมกับการออกแบบที่ทันสมัย เสียงเงียบ ใช้งานง่าย และมีหน้าจอแสดงคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถมั่นใจได้ว่าอากาศในบ้านสะอาดตลอดเวลา
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยีกรองอากาศ TPA ไม่ใช้แผ่นกรอง HEPA
- ดักจับฝุ่น PM2.5, PM1.0, และอนุภาคขนาดเล็กระดับนาโน
- กำจัดเชื้อโรคและไวรัสในอากาศได้สูงถึง 99.9%
- เหมาะกับห้องขนาด 15–30 ตารางเมตร
- แสดงคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ด้วยจอ LED
- ประหยัดค่าใช้จ่ายระยะยาว ไม่มีค่าเปลี่ยนฟิลเตอร์
- เสียงเบา เหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องทำงาน
เหมาะสำหรับใคร
Airdog X3Pro(D) เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโด ห้องนอน หรือห้องทำงานขนาดเล็กถึงกลาง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ภูมิแพ้ หรือหอบหืด เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ยังตอบโจทย์ครอบครัวที่มีเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุที่ต้องการอากาศสะอาดและปลอดภัยจากไวรัส แบคทีเรีย และฝุ่นละอองขนาดเล็ก LSI Keywords เช่น เครื่องฟอกอากาศสำหรับห้องนอน, กรองฝุ่น PM2.5 ได้จริง, ฟอกอากาศฆ่าเชื้อไวรัส, และ เครื่องกรองอากาศประหยัดพลังงาน ล้วนสะท้อนถึงจุดเด่นของ Airdog รุ่นนี้ ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับคนเมืองในยุคที่คุณภาพอากาศเริ่มกลายเป็นปัญหาสำคัญ
9. Bwell Air Purifier รุ่น AP-H2219S ฟอกอากาศ 3 ขั้นตอน สำหรับห้องขนาด 60 ตร.ม.
Bwell รุ่น AP-H2219S เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ออกแบบมาอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพในการกรองอากาศ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการอากาศสะอาดบริสุทธิ์ภายในบ้านหรือห้องทำงาน เครื่องนี้รองรับพื้นที่ขนาดกลางถึงประมาณ 60 ตารางเมตร จึงเหมาะกับห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือออฟฟิศขนาดกลางได้อย่างดีเยี่ยม โดยจุดเด่นของรุ่นนี้คือระบบกรอง 3 ขั้นตอนที่ช่วยขจัดฝุ่น PM2.5 กลิ่นไม่พึงประสงค์ และเชื้อโรคต่างๆ ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นเครื่องฟอกอากาศสำหรับห้องขนาดกลางที่ตอบโจทย์ทั้งด้านคุณภาพและราคาจับต้องได้
ตัวเครื่องใช้เทคโนโลยีการกรองอากาศที่ครอบคลุม โดยมีระบบกรอง HEPA ซึ่งเป็นมาตรฐานในการดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% ทำให้มั่นใจได้ว่าปริมาณฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังมีชั้นกรองคาร์บอนที่ช่วยดูดซับกลิ่น และชั้นกรองขั้นต้นสำหรับกรองฝุ่นขนาดใหญ่ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ช่วยดูแลสุขภาพผู้ใช้ในระยะยาว เหมาะกับคนที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้มีอาการภูมิแพ้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศกรองเชื้อโรคในอากาศได้จริง
คุณสมบัติเด่น
- ครอบคลุมพื้นที่ใช้งานได้ถึง 60 ตารางเมตร
- ระบบกรอง 3 ชั้น: Pre-filter, Activated Carbon Filter, HEPA Filter
- ดักจับฝุ่น PM2.5 และฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 99.97%
- ช่วยกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์จากควันบุหรี่ หรือกลิ่นอาหาร
- เสียงการทำงานเงียบ เหมาะกับใช้ในเวลากลางคืน
- ดีไซน์กะทัดรัด เคลื่อนย้ายง่าย
เหมาะสำหรับใคร
เครื่องฟอกอากาศ Bwell AP-H2219S เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูง หรือบริเวณใกล้ถนนใหญ่ เช่น คอนโดมิเนียมหรือบ้านในเขตเมือง นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด หรือมีเด็กและผู้สูงอายุในบ้าน การเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศกรองฝุ่น PM2.5 รุ่นนี้ จะช่วยลดปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการเจ็บป่วยทางระบบทางเดินหายใจได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศ HEPA ที่ให้ความคุ้มค่ากับราคา และดูแลง่าย ไม่ซับซ้อน
10. SHARP Air Purifier รุ่น FP-J30TA ฟอกอากาศด้วย Plasma Cluster สำหรับห้องขนาดเล็ก
SHARP FP-J30TA เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในพื้นที่จำกัด เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องพักขนาดเล็ก ด้วยเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ (Plasmacluster) ซึ่งเป็นนวัตกรรมเฉพาะของ SHARP ที่ช่วยยับยั้งเชื้อโรค แบคทีเรีย เชื้อรา และกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รุ่นนี้สามารถกรองอากาศได้ดีในห้องขนาดไม่เกิน 23 ตารางเมตร โดยเฉพาะฝุ่นขนาดเล็ก เช่น PM2.5 ที่พบได้บ่อยในเมืองใหญ่ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหา เครื่องฟอกอากาศในห้องนอน หรือพื้นที่ที่ต้องการอากาศสะอาดในทุกช่วงเวลา ทั้งยังมีดีไซน์เรียบง่าย น้ำหนักเบา และเสียงทำงานเงียบ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการความสงบในการพักผ่อนหรือทำงาน
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยี Plasmacluster Ion ยับยั้งเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และกลิ่น
- ระบบกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5
- ครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 23 ตร.ม.
- มีโหมดการทำงานอัตโนมัติ และโหมดนอน (Sleep Mode)
- ทำงานเงียบ เหมาะสำหรับใช้ในเวลากลางคืน
- ดีไซน์กะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก
- ประหยัดพลังงาน ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน
เหมาะสำหรับใคร
SHARP FP-J30TA เหมาะสำหรับผู้ที่พักอาศัยในคอนโดมิเนียมหรือบ้านที่มีพื้นที่จำกัด โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเครื่องฟอกอากาศสำหรับห้องนอนหรือห้องเด็ก เนื่องจากเครื่องมีระบบกรองฝุ่นละเอียดอย่าง PM2.5 และทำงานได้เงียบ ไม่รบกวนการนอน นอกจากนี้ ยังตอบโจทย์ผู้ที่กังวลเรื่องเชื้อโรค กลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ เพราะเทคโนโลยี เครื่องฟอกอากาศพลาสม่าคลัสเตอร์ ของ SHARP ได้รับการยอมรับว่าสามารถกำจัดสิ่งเจือปนในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตารางสรุป 10 เครื่องฟอกอากาศแนะนำ ปี 2025
ลำดับ | ยี่ห้อรุ่น | ครอบคลุมพื้นที่ | จุดเด่น | กรอง PM2.5 |
1 | Philips AC3220/10 | 135 ตร.ม. | ฟอกอากาศแรง ระบบกรอง 3 ชั้น | ✓ |
2 | Dyson TP10 | กลาง-ใหญ่ | ดีไซน์พรีเมียม พร้อมพัดลม | ✓ |
3 | Levoit Core 400S | กลาง | ควบคุมผ่านแอป มีเซนเซอร์ PM2.5 | ✓ |
4 | Blueair Max 3250 | 48 ตร.ม. | ฟอกอากาศเร็วใน 12.5 นาที | ✓ |
5 | Philips AC1715/21 | 25–78 ตร.ม. | เหมาะกับห้องขนาดกลาง–ใหญ่ | ✓ |
6 | Xiaomi Air Purifier 4 | 28–48 ตร.ม. | ฟีเจอร์ครบ เชื่อมต่อแอป Mi Home | ✓ |
7 | Samsung AX32BG3100GBST | 41 ตร.ม. | ดีไซน์เรียบหรู ประสิทธิภาพดี | ✓ |
8 | Airdog X3Pro(D) | 15–30 ตร.ม. | ไม่มีฟิลเตอร์ ถอดล้างได้ | ✓ |
9 | Bwell AP-H2219S | 60 ตร.ม. | ระบบกรอง 3 ขั้นตอน | ✓ |
10 | Sharp FP-J30TA | 23 ตร.ม. | เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ | ✓ |
วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับบ้านและงบประมาณ
การเลือก เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2025 ไม่ใช่แค่ดูจากราคาเท่านั้น แต่ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย ทั้งขนาดห้อง ประเภทฟิลเตอร์ ฟีเจอร์พิเศษ และความคุ้มค่าในระยะยาว โดยเฉพาะในยุคที่ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 และไวรัสในอากาศเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน
1. ดูจากขนาดพื้นที่การใช้งาน
ก่อนซื้อควรวัดขนาดห้องหรือพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน เพื่อเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพพอเหมาะ หากใช้ในห้องนอนหรือห้องทำงานขนาดเล็ก (ไม่เกิน 25 ตร.ม.) ควรเลือกเครื่องที่ออกแบบมาสำหรับพื้นที่นั้นโดยเฉพาะ ส่วนหากต้องการใช้ในห้องนั่งเล่นหรือห้องขนาดใหญ่ อาจต้องเลือกเครื่องที่รองรับพื้นที่มากกว่า 50 ตร.ม. ขึ้นไป เพื่อให้สามารถฟอกอากาศได้ทั่วถึง
2. ประเภทของฟิลเตอร์ (HEPA, Activated Carbon, UV ฯลฯ)
ประเภทของแผ่นกรอง (Filter) มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพในการดักจับสิ่งปนเปื้อน เช่น:
- HEPA Filter: ดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก รวมถึง PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้
- Activated Carbon Filter: ดูดซับกลิ่น ควัน และสารเคมีในอากาศ
- UV-C Light หรือ Ionizer: กำจัดเชื้อโรค แบคทีเรีย และไวรัส
การเลือกเครื่องที่มีระบบกรองหลายชั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้ดียิ่งขึ้น
3. ค่า CADR และระดับเสียง
ค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) คืออัตราการปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกจากเครื่อง ยิ่งค่าสูง ยิ่งหมายถึงเครื่องสามารถฟอกอากาศได้เร็วในพื้นที่กว้าง ควรเลือกเครื่องที่มีค่า CADR สอดคล้องกับขนาดห้อง
ขณะเดียวกัน ระดับเสียง ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะถ้าจะใช้ในห้องนอนหรือขณะทำงาน ควรเลือกเครื่องที่มีระดับเสียงต่ำกว่า 30 เดซิเบลเมื่ออยู่ในโหมดเงียบ เพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อน
4. ฟังก์ชันเสริม เช่น เชื่อมต่อแอป, ตรวจจับฝุ่น PM2.5
เครื่องฟอกอากาศรุ่นใหม่ๆ มักมาพร้อมฟังก์ชันอัจฉริยะ เช่น:
- เซนเซอร์ตรวจจับฝุ่น PM2.5 ที่ช่วยปรับการทำงานอัตโนมัติตามสภาพอากาศจริง
- เชื่อมต่อแอปพลิเคชัน เพื่อควบคุมจากระยะไกล หรือดูสถานะคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์
- โหมดประหยัดพลังงาน และระบบแจ้งเตือนเปลี่ยนฟิลเตอร์
สิ่งเหล่านี้ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น และช่วยให้คุณมั่นใจว่าอากาศในบ้านสะอาดอยู่เสมอ
5. งบประมาณและความคุ้มค่าในระยะยาว
แม้เครื่องฟอกอากาศราคาถูกจะดูน่าสนใจ แต่หากต้องเปลี่ยนฟิลเตอร์บ่อย หรือไม่มีระบบประหยัดไฟ อาจทำให้ค่าใช้จ่ายสะสมสูงในระยะยาว ควรคำนึงถึง:
- ราคาของ อะไหล่หรือแผ่นกรอง
- อายุการใช้งานของเครื่อง
- การรับประกันและบริการหลังการขาย
บางรุ่นที่มีราคาสูงกว่าอาจประหยัดได้มากกว่าในระยะยาว โดยเฉพาะหากใช้ฟิลเตอร์ที่ล้างได้ หรือมีอายุการใช้งานนานหลายปี
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
จำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากคอนโดอยู่ใกล้ถนนใหญ่ แหล่งก่อสร้าง หรืออยู่ในเมืองที่มีมลพิษสูง แม้จะอยู่ในอาคาร แต่ฝุ่น PM2.5, ควัน และเชื้อโรคสามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ทางหน้าต่างหรือระบบระบายอากาศ การมี เครื่องฟอกอากาศในคอนโด จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าอากาศในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นสะอาดอยู่เสมอ ลดความเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้และปัญหาทางเดินหายใจ
โดยทั่วไปแล้ว การใช้เครื่องฟอกอากาศต่อเนื่องไม่มีผลเสีย หากใช้อย่างถูกวิธีและดูแลตามคำแนะนำ เช่น การทำความสะอาดตัวเครื่องและเปลี่ยนฟิลเตอร์ตามระยะที่กำหนด ในทางกลับกัน การใช้งานสม่ำเสมอจะช่วยฟอกกลิ่นไม่พึงประสงค์ และลดปริมาณเชื้อโรคในอากาศ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการแพ้ฝุ่นหรือโรคระบบหายใจ
ถ้าคุณต้องการประสิทธิภาพในการกรองฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ HEPA filter ถือเป็นสิ่งจำเป็น เพราะสามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 0.3 ไมครอน เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องภูมิแพ้ หากต้องการเครื่องฟอกอากาศที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน แนะนำเลือกเครื่องที่มีแผ่นกรอง HEPA เป็นอย่างน้อย
การซื้อเครื่องฟอกอากาศออนไลน์เป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถเปรียบเทียบสเปก ราคา และรีวิวจากผู้ใช้งานจริงได้ง่าย นอกจากนี้ยังมักมีโปรโมชั่นหรือส่วนลดมากกว่าหน้าร้าน อย่างไรก็ตาม ควรซื้อจากร้านที่เชื่อถือได้ และตรวจสอบว่ามี การรับประกันสินค้า และบริการหลังการขายรองรับ เพื่อความมั่นใจในระยะยาว
ได้เลยครับ ด้านล่างคือเนื้อหาในหัวข้อ H2: สรุป — เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2025 รุ่นไหนเหมาะกับคุณ? โดยมีการทบทวนแต่ละรุ่นสั้น ๆ, กระตุ้นให้คลิกดูราคา และแนะนำแบรนด์ตามช่วงราคา:
สรุป เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2025 รุ่นไหนเหมาะกับคุณ?
จากรีวิวทั้งหมด จะเห็นได้ว่าเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีจุดเด่นและความเหมาะสมที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดห้อง ลักษณะการใช้งาน งบประมาณ และความต้องการเฉพาะของแต่ละคน:
- Philips AC3220/10 เหมาะกับบ้านขนาดใหญ่หรือผู้ที่ต้องการเครื่องประสิทธิภาพสูง
- Dyson TP10 เหมาะกับคนที่ชอบดีไซน์ล้ำสมัย ใช้ได้ทั้งฟอกอากาศและพัดลมในตัว
- Levoit Core 400S คุ้มค่า ฟีเจอร์ครบ เหมาะกับห้องขนาดกลางถึงใหญ่
- Blueair Max 3250 ฟอกอากาศเร็ว เหมาะกับคนอยู่ในเมืองที่ต้องการกรอง PM2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ
- Xiaomi Air Purifier 4 และ Samsung AX32 เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการควบคุมผ่านแอป และได้คุณภาพในราคาคุ้ม
- Airdog X3Pro(D) เหมาะกับผู้ที่ไม่อยากเปลี่ยนฟิลเตอร์บ่อย ล้างทำความสะอาดได้
- Sharp FP-J30TA เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้ในห้องนอนหรือห้องเล็ก เน้นความเงียบและเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์
หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์ทั้งด้านสุขภาพและความคุ้มค่า อย่าลืม คลิกดูราคาล่าสุด โปรโมชั่นลดพิเศษ หรือของแถมจากร้านค้าออนไลน์ ที่มักมีดีลดี ๆ โดยเฉพาะในช่วงแคมเปญลดราคาประจำเดือน
แนะนำแบรนด์คุ้มค่าตามช่วงราคา
- งบประหยัด (< 3,000 บาท): Xiaomi, Sharp
- งบกลาง (3,000 – 7,000 บาท): Levoit, Samsung
- งบระดับพรีเมียม (> 7,000 บาท): Blueair, Dyson, Philips
สุดท้าย การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ดีไม่ใช่แค่ราคาถูกที่สุด แต่ควร “เหมาะกับการใช้งานของคุณที่สุด” ทั้งเรื่องขนาดห้อง ฟังก์ชัน และคุณภาพอากาศที่ได้ในแต่ละวัน 10 เครื่องทำน้ำแข็ง ยี่ห้อไหนดี 2025