การเลือก เครื่องหนีบผม ยี่ห้อไหนดี ที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะสามารถช่วยให้คุณจัดแต่งทรงผมได้ง่าย รวดเร็ว และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเส้นผม ที่หนีบผมคุณภาพดี ควรมีการกระจายความร้อนที่สม่ำเสมอ สามารถปรับอุณหภูมิได้หลากหลายระดับ และผลิตจากวัสดุที่ไม่ทำให้ผมแห้งเสีย เช่น เซรามิก ทัวร์มาลีน หรือไทเทเนียม อีกทั้ง เทคโนโลยีไอออนิกยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผมเรียบลื่น เงางาม และลดไฟฟ้าสถิต
ก่อนเลือกซื้อ ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญ ได้แก่ อุณหภูมิที่ปรับได้ วัสดุของแผ่นหนีบ ขนาดและดีไซน์ รวมถึงฟังก์ชันเสริม เช่น เครื่องหนีบผมไร้สาย สำหรับพกพา หรือ ที่หนีบผมสำหรับผมเสีย ที่ออกแบบมาเพื่อถนอมเส้นผมโดยเฉพาะ ในปี 2025 เทรนด์ของเครื่องหนีบผมเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยีอินฟราเรด เพื่อลดความร้อนที่ทำร้ายเส้นผม รวมถึงฟีเจอร์อัจฉริยะที่สามารถปรับอุณหภูมิอัตโนมัติตามประเภทเส้นผม
หากคุณกำลังมองหา รีวิวเครื่องหนีบผม ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณ บทความนี้ได้รวบรวม 9 เครื่องหนีบผม ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่ได้รับความนิยมและคุ้มค่าที่สุด มาแนะนำให้คุณเลือกใช้ตามความต้องการ
9 เครื่องหนีบผม ยี่ห้อไหนดี 2025 แนะนำรุ่นยอดนิยม
เราได้รวบรวม 9 เครื่องหนีบผม ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่ได้รับความนิยมและรีวิวดีเยี่ยม พร้อมแนะนำคุณสมบัติเด่นของแต่ละรุ่น เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น!
1. Philips personal care Straightener 5000 Series BHS530/00
Philips Personal Care Straightener 5000 Series BHS530/00 เป็นเครื่องหนีบผมที่ออกแบบมาเพื่อการจัดแต่งทรงได้ง่ายและรวดเร็ว ด้วยแผ่นหนีบเซรามิกเคลือบเคราตินที่ช่วยลดการทำลายเส้นผม พร้อมเทคโนโลยี ThermoShield ที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้สม่ำเสมอ ลดความร้อนส่วนเกิน ทำให้เส้นผมเรียบลื่น ไม่แห้งเสีย สามารถปรับความร้อนได้ถึง 12 ระดับ สูงสุด 230°C เหมาะสำหรับทุกสภาพเส้นผม นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันไอออนิก ช่วยลดไฟฟ้าสถิต ทำให้ผมไม่ชี้ฟู ใช้งานง่ายด้วยสายไฟหมุนได้ 360 องศา และระบบปิดอัตโนมัติภายใน 60 นาที เพิ่มความปลอดภัย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผมตรงสวยเป็นธรรมชาติ หรือผู้ที่ต้องการลดความเสียหายจากความร้อน
คุณสมบัติเด่น
- แผ่นหนีบเซรามิกเคลือบเคราติน ช่วยปกป้องเส้นผม
- เทคโนโลยี ThermoShield ควบคุมอุณหภูมิ ลดความร้อนส่วนเกิน
- ฟังก์ชันไอออนิก ลดไฟฟ้าสถิต ลดผมชี้ฟู
- ปรับอุณหภูมิได้ 12 ระดับ สูงสุด 230°C
- สายไฟหมุนได้ 360 องศา ใช้งานสะดวก
- ระบบปิดอัตโนมัติภายใน 60 นาที เพิ่มความปลอดภัย
ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
แผ่นหนีบเคลือบเคราติน ลดการทำลายเส้นผม | อาจใช้เวลาหนีบนานสำหรับผมหนาหรือหยักศกมาก |
ควบคุมความร้อนด้วย ThermoShield ปกป้องเส้นผม | ไม่มีระบบเป่าลมเย็น |
ฟังก์ชันไอออนิกช่วยลดไฟฟ้าสถิต | ราคาสูงกว่าเครื่องหนีบผมทั่วไป |
ปรับความร้อนได้หลายระดับ เหมาะกับทุกสภาพผม | อาจต้องใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงร่วมเพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น |
ระบบปิดอัตโนมัติ ปลอดภัย | ไม่มีหน้าจอแสดงอุณหภูมิแบบดิจิทัล |
2. Panasonic Hair Straightener EH-HS9B-KL Advanced Stable Heater nanoe
Panasonic EH-HS9B-KL เป็นเครื่องหนีบผมที่ออกแบบมาเพื่อให้ผมตรงเรียบลื่น พร้อมเทคโนโลยี nanoe ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผม ลดปัญหาผมแห้งเสียและชี้ฟู แผ่นหนีบเคลือบ Ceramic Coating พร้อม Advanced Stable Heater ทำให้ความร้อนคงที่และสม่ำเสมอ ป้องกันผมเสียจากความร้อนสูง มีระบบปรับอุณหภูมิได้ถึง 5 ระดับ ตั้งแต่ 150°C ถึง 230°C ตอบโจทย์ทั้งผมเส้นเล็กและผมหนา ดีไซน์เพรียวบาง น้ำหนักเบา จับถนัดมือ ใช้งานสะดวก ร้อนเร็วภายใน 30 วินาที และมี Auto Shut-Off ปิดอัตโนมัติหลังใช้งาน 60 นาที เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหนีบผมทุกวันโดยไม่ทำลายสุขภาพเส้นผม
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยี nanoe ช่วยรักษาความชุ่มชื้น ลดผมแห้งเสีย
- แผ่นหนีบเคลือบ Ceramic Coating ป้องกันเสียดสี ลดการทำลายเส้นผม
- Advanced Stable Heater ช่วยกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับอุณหภูมิได้ 5 ระดับ (150°C – 230°C)
- ระบบ Auto Shut-Off ปิดเครื่องอัตโนมัติภายใน 60 นาที
- ดีไซน์เพรียวบาง น้ำหนักเบา จับถนัดมือ
- ร้อนเร็วใน 30 วินาที พร้อมไฟแสดงสถานะ
- สายไฟหมุน 360 องศา ไม่พันกัน
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
เทคโนโลยี nanoe ช่วยให้ผมชุ่มชื้น ไม่แห้งเสีย | ราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไป |
ความร้อนคงที่ กระจายทั่วถึง ลดการทำร้ายเส้นผม | ขนาดอาจเล็กเกินไปสำหรับผมหนามาก |
ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ ใช้ได้กับทุกสภาพเส้นผม | ไม่มีระบบไอน้ำสำหรับเพิ่มความชุ่มชื้น |
แผ่นหนีบเซรามิกช่วยให้หนีบลื่นขึ้น ลดผมขาด | ไม่มีหน้าจอแสดงอุณหภูมิ |
ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา ไม่เมื่อยมือ | มีเฉพาะสีดำ ไม่มีตัวเลือกสีอื่น |
3. LESASHA Super Vibrate Hair Crimper 10LS00382
สำหรับสายทำผมที่อยากได้ลอนผมฟู ดูมีวอลลุ่มแบบมืออาชีพ LESASHA Super Vibrate Hair Crimper 10LS00382 ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์ ด้วยเทคโนโลยี แผ่นหนีบแบบสั่น ช่วยให้ความร้อนกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ลดการกดทับเส้นผมจนแข็งหรือเสียทรง แถมยังช่วยล็อกลอนให้อยู่ทรงยาวนาน ตัวเครื่องออกแบบให้จับถนัดมือ น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย และที่สำคัญ เคลือบเซรามิก ลดการทำลายเส้นผม ใครที่มีผมเส้นเล็กหรือลีบแบนใช้แล้วเห็นผลชัดเจน ผมดูหนาขึ้นทันที สามารถปรับระดับความร้อนได้ตามต้องการ เหมาะกับทุกสภาพเส้นผม ไม่ว่าจะทำลุคไหนก็มั่นใจได้ว่าผมดูสวยธรรมชาติและไม่แห้งเสีย
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยีแผ่นหนีบแบบสั่น ลดการกดทับเส้นผม
- เคลือบเซรามิก ช่วยลดความร้อนทำลายเส้นผม
- ปรับระดับอุณหภูมิได้ตามต้องการ เหมาะกับทุกสภาพผม
- ตัวเครื่องน้ำหนักเบา จับถนัดมือ ใช้งานง่าย
- ทำให้เส้นผมดูมีวอลลุ่ม หนานุ่มขึ้นเป็นธรรมชาติ
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
ลอนผมอยู่ทรงนาน | ไม่เหมาะกับคนชอบผมตรงธรรมชาติ |
ลดความร้อนทำลายเส้นผม | ต้องใช้เวลาเรียนรู้วิธีใช้งาน |
ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา | ราคาสูงกว่าที่หนีบผมทั่วไป |
เหมาะกับทุกสภาพผม | ใช้ไฟฟ้า ต้องระวังความร้อน |
4. Philips Personal EssentialCare Hair Styler HP8321
Philips Personal EssentialCare Hair Styler HP8321 เป็นเครื่องหนีบผมที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่สะดวก รวดเร็ว และเหมาะกับทุกสภาพเส้นผม ตัวแผ่นหนีบเคลือบเซรามิกช่วยให้ความร้อนกระจายทั่วถึง ลดการเกิดไฟฟ้าสถิตและป้องกันผมแห้งเสีย มาพร้อมฟังก์ชันทำความร้อนเร็วภายใน 60 วินาที และสามารถปรับอุณหภูมิสูงสุดได้ถึง 210 องศาเซลเซียส ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวันหรือขณะเดินทาง แม้ว่าจะไม่มีระบบไอออนิกช่วยลดชี้ฟู แต่ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการหนีบผมตรงให้เงางามและเรียบลื่นในราคาที่จับต้องได้
คุณสมบัติเด่น
- แผ่นหนีบเซรามิกเคลือบทัวร์มาลีน ช่วยลดการเสียดสีและป้องกันผมแห้งเสีย
- ร้อนเร็วภายใน 60 วินาที พร้อมไฟแสดงสถานะการทำงาน
- อุณหภูมิสูงสุด 210 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับเส้นผมทุกประเภท
- ดีไซน์บาง เบา จับถนัดมือ ใช้งานง่าย
- ระบบล็อกแผ่นหนีบเพื่อความปลอดภัยและสะดวกในการจัดเก็บ
- สายไฟยาว 1.8 เมตร หมุนได้ 360 องศา ลดปัญหาสายพันกัน
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
ร้อนเร็ว ใช้งานง่าย | ไม่มีระบบไอออนิกลดไฟฟ้าสถิต |
แผ่นหนีบเคลือบเซรามิก ลดผมเสีย | ไม่มีการปรับอุณหภูมิหลายระดับ |
ดีไซน์กะทัดรัด เหมาะกับการพกพา | อุณหภูมิสูงสุดอาจไม่เพียงพอสำหรับผมหยิกมาก |
ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติ | ไม่มีฟังก์ชันล็อกอุณหภูมิ |
5. LESASHA Smart Hair Crimper LS1524 (ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ)
สำหรับสาว ๆ ที่ชื่นชอบการจัดแต่งทรงผมให้ดูมีวอลลุ่มเป็นลอนสวย LESASHA Smart Hair Crimper LS1524 เป็นตัวช่วยที่น่าสนใจมาก รุ่นนี้สามารถปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ คือ 160°C, 180°C และ 200°C เหมาะสำหรับทุกสภาพเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผมเส้นเล็ก ผมหนา หรือผมแห้งเสีย ตัวเครื่องมาพร้อมแผ่นหนีบเคลือบเซรามิกที่ช่วยกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอ ลดโอกาสที่ผมจะเสียจากความร้อน นอกจากนี้ยังมีระบบล็อกแผ่นหนีบเพื่อความปลอดภัยและสะดวกในการพกพา ใครที่ต้องการเครื่องหนีบผมลอนที่ใช้งานง่าย ร้อนเร็ว และช่วยให้ทรงผมอยู่ทนนาน รุ่นนี้เป็นอีกตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม
คุณสมบัติเด่น
- ปรับอุณหภูมิได้ 3 ระดับ (160°C, 180°C, 200°C)
- แผ่นหนีบเคลือบเซรามิกช่วยลดความร้อนสะสม
- ให้ลอนผมอยู่ทรงสวยตลอดวัน
- ระบบล็อกแผ่นหนีบเพื่อความปลอดภัย
- ตัวเครื่องน้ำหนักเบา พกพาสะดวก
- ร้อนเร็ว พร้อมใช้งานภายในไม่กี่วินาที
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
ปรับอุณหภูมิได้ตามสภาพเส้นผม | ไม่มีหน้าจอแสดงอุณหภูมิ |
แผ่นเคลือบเซรามิกช่วยลดการทำร้ายเส้นผม | สายไฟไม่หมุน 360 องศา อาจพันกันง่าย |
ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ | เหมาะกับการทำลอนขนาดเล็กเท่านั้น |
พกพาสะดวก น้ำหนักเบา | ไม่สามารถปรับระดับความกว้างของแผ่นหนีบได้ |
6. KIKI&CO Straight & Curve (ระบบไอออนลบ 30 ล้าน ให้ผมเงางาม)
KIKI&CO Straight & Curve เป็นเครื่องหนีบผมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการหนีบตรงและม้วนลอนในเครื่องเดียว จุดเด่นอยู่ที่เทคโนโลยีไอออนลบ 30 ล้าน ช่วยลดไฟฟ้าสถิต ทำให้เส้นผมนุ่มลื่นและเงางาม ลดการชี้ฟู เหมาะกับทุกสภาพผม ไม่ว่าจะเป็นผมแห้ง ผมเสีย หรือผมทำสี แผ่นหนีบเคลือบเซรามิกช่วยกระจายความร้อนได้สม่ำเสมอ ป้องกันความเสียหายจากความร้อน ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ ใช้งานง่าย ร้อนเร็ว จับถนัดมือ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเครื่องหนีบผมคุณภาพสูง ที่ให้ผลลัพธ์ระดับซาลอน โดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าร้าน
คุณสมบัติเด่น
- เทคโนโลยีไอออนลบ 30 ล้าน ลดไฟฟ้าสถิต ผมเงางาม ไม่ชี้ฟู
- แผ่นหนีบเซรามิกเคลือบทัวร์มาลีน กระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอ
- ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ รองรับทุกสภาพผม
- อุ่นเครื่องเร็ว พร้อมใช้งานภายในไม่กี่วินาที
- ดีไซน์จับถนัดมือ ใช้งานง่าย หนีบตรงหรือม้วนลอนได้ในเครื่องเดียว
- ระบบปิดอัตโนมัติ ปลอดภัยหากลืมปิดเครื่อง
ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
เทคโนโลยีไอออนลบช่วยให้ผมเงางาม ลดชี้ฟู | ราคาสูงกว่ารุ่นทั่วไป |
ใช้งานได้ทั้งหนีบตรงและม้วนลอนในเครื่องเดียว | ขนาดใหญ่กว่ารุ่นพกพา |
แผ่นหนีบเคลือบเซรามิก ลดการทำลายเส้นผม | อาจต้องฝึกใช้สำหรับคนที่ไม่ชินกับเครื่องหนีบ 2-in-1 |
ร้อนเร็ว ใช้งานสะดวก ประหยัดเวลา | ไม่มีสีให้เลือกมากนัก |
7. Singer 2IN1 Hair Straightener (เครื่องหนีบผม 2in1 ซิงเกอร์)
Singer 2IN1 Hair Straightener เป็นเครื่องหนีบผมที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งหนีบตรงและม้วนลอน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมแบบอเนกประสงค์ ตัวเครื่องร้อนเร็วด้วยแผ่นทำความร้อนเซรามิกที่ช่วยกระจายความร้อนอย่างทั่วถึง ลดการเกิดผมเสียจากความร้อนสูง สามารถปรับระดับความร้อนได้ตามต้องการ ใช้งานง่ายด้วยดีไซน์น้ำหนักเบาและจับถนัดมือ นอกจากนี้ยังมีระบบปิดอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน ทำให้มั่นใจในความปลอดภัย จุดเด่นของเครื่องนี้คือความสามารถในการจัดแต่งทรงผมได้หลายสไตล์ในเครื่องเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และพกพาไปใช้นอกสถานที่ LSI Keywords ที่เกี่ยวข้อง เช่น เครื่องหนีบผมไร้สาย, ที่หนีบผมตรง, เครื่องม้วนผมไฟฟ้า, หนีบผมไม่เสีย, อุปกรณ์จัดแต่งทรงผม
คุณสมบัติเด่น
- เครื่องหนีบผม 2 in 1 ใช้ได้ทั้งหนีบตรงและม้วนลอน
- แผ่นทำความร้อนเคลือบเซรามิก ช่วยป้องกันเส้นผมจากความร้อนสูง
- ปรับระดับอุณหภูมิได้หลายระดับตามสภาพเส้นผม
- ระบบตัดไฟอัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัยขณะใช้งาน
- ดีไซน์จับถนัดมือ น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย
- ร้อนเร็ว พร้อมใช้งานภายในไม่กี่วินาที
- เหมาะสำหรับทุกสภาพเส้นผม
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
ใช้งานได้ทั้งหนีบตรงและม้วนลอนในเครื่องเดียว | ไม่มีหน้าจอแสดงอุณหภูมิ |
แผ่นเซรามิกช่วยลดผมเสียจากความร้อน | อุณหภูมิสูงสุดอาจไม่เหมาะกับผมหนามาก |
น้ำหนักเบา จับถนัดมือ | ไม่มีฟังก์ชันไอออนิคสำหรับลดไฟฟ้าสถิต |
ระบบตัดไฟอัตโนมัติ ปลอดภัย | ไม่มีสายหมุน 360 องศา อาจทำให้สายพันกันง่าย |
ราคาคุ้มค่าเมื่อเทียบกับคุณสมบัติ | อาจไม่ทนทานเท่ารุ่นที่มีราคาสูงกว่า |
8. Super V Nano Ceramic Hair Straightener SU 9022
Super V Nano Ceramic Hair Straightener รุ่น SU 9022 เป็นเครื่องหนีบผมที่ออกแบบมาเพื่อให้ผมเรียบลื่น เงางาม และลดการชี้ฟู ด้วยแผ่นหนีบเคลือบเซรามิกนาโนที่ช่วยกระจายความร้อนอย่างสม่ำเสมอ ลดความเสียหายจากความร้อน สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามสภาพเส้นผม ให้ความร้อนเร็ว ช่วยประหยัดเวลา เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งหนีบตรงและม้วนลอน ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก นอกจากนี้ ยังมีระบบตัดไฟอัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัยขณะใช้งาน ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มองหาเครื่องหนีบผมคุณภาพในราคาจับต้องได้
คุณสมบัติเด่น
- แผ่นหนีบเคลือบเซรามิกนาโน ช่วยปกป้องเส้นผม
- ปรับระดับความร้อนได้หลายระดับ รองรับทุกสภาพผม
- ร้อนเร็ว ใช้งานง่าย ประหยัดเวลา
- ระบบตัดไฟอัตโนมัติ ปลอดภัยในการใช้งาน
- ดีไซน์กะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
- ใช้ได้ทั้งหนีบตรงและม้วนลอน
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
แผ่นเคลือบเซรามิกนาโนช่วยลดผมเสีย | อาจไม่เหมาะกับผมหนามาก เพราะใช้เวลานานกว่า |
ปรับความร้อนได้หลายระดับ | ไม่มีหน้าจอแสดงอุณหภูมิ |
ความร้อนเร็ว ประหยัดเวลา | สายไฟไม่หมุน 360 องศา อาจพันกันง่าย |
มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ ปลอดภัย | ไม่มีฟังก์ชันไอน้ำ |
ขนาดเล็ก น้ำหนักเบา พกพาสะดวก | บางคนอาจรู้สึกว่าหนีบไม่แน่นพอ |
9. Soar GY-0607 (เครื่องม้วนผม 2in1 พร้อม LCD Display)
Soar GY-0607 เป็นเครื่องม้วนผม 2in1 ที่สามารถใช้ได้ทั้งหนีบตรงและม้วนลอนในเครื่องเดียว มาพร้อมหน้าจอ LCD ที่แสดงอุณหภูมิแบบเรียลไทม์ ปรับความร้อนได้ตามต้องการตั้งแต่ 140-230°C แผ่นเคลือบเซรามิกช่วยกระจายความร้อนอย่างทั่วถึง ลดการเกิดไฟฟ้าสถิต ทำให้เส้นผมเงางามไม่แห้งเสีย ดีไซน์จับถนัดมือ น้ำหนักเบา พกพาสะดวก เหมาะกับการใช้งานทั้งที่บ้านและพกไปเที่ยว สามารถใช้งานได้กับทุกสภาพเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นผมเส้นเล็ก ผมหนา หรือผมแห้งเสีย ตอบโจทย์คนที่ต้องการความสะดวกในการจัดแต่งทรงผมในชีวิตประจำวัน และช่วยให้ทรงผมอยู่ทรงนานขึ้น
คุณสมบัติเด่น
- ฟังก์ชัน 2in1 ใช้ได้ทั้งหนีบตรงและม้วนลอน
- หน้าจอ LCD แสดงอุณหภูมิแบบเรียลไทม์
- ปรับอุณหภูมิได้ตั้งแต่ 140-230°C
- แผ่นเคลือบเซรามิกช่วยลดการเกิดไฟฟ้าสถิต
- ดีไซน์จับถนัดมือ น้ำหนักเบา พกพาง่าย
- ใช้ได้กับทุกสภาพเส้นผม
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
ใช้งานได้ทั้งม้วนลอนและหนีบตรง | ไม่มีระบบปิดอัตโนมัติ |
หน้าจอ LCD แสดงอุณหภูมิชัดเจน | สายไฟอาจสั้นสำหรับบางคน |
ปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ | อาจใช้เวลาในการทำความร้อนเล็กน้อย |
แผ่นเคลือบเซรามิกช่วยถนอมเส้นผม | ไม่เหมาะกับการใช้งานต่อเนื่องนานๆ |
ดีไซน์พกพาง่าย เหมาะกับการเดินทาง | อาจไม่เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่เคยใช้มาก่อน |
ตารางเปรียบเทียบ 9 เครื่องหนีบผม ยี่ห้อไหนดี
ยี่ห้อ | รุ่น | วัสดุแผ่นหนีบ | อุณหภูมิสูงสุด (°C) |
Philips | 5000 Series BHS530/00 | เซรามิกเคลือบทัวร์มาลีน | 230 |
Panasonic | EH-HS9B-KL | ไทเทเนียม + Nanoe | 230 |
LESASHA | Super Vibrate 10LS00382 | เซรามิก | 200 |
Philips | EssentialCare HP8321 | เซรามิก | 210 |
LESASHA | Smart Hair Crimper LS1524 | เซรามิก | 200 |
KIKI&CO | Straight & Curve | เซรามิก + ไอออนลบ | 220 |
Singer | 2IN1 Hair Straightener | นาโนเซรามิก | 220 |
Super V | Nano Ceramic SU 9022 | นาโนเซรามิก | 230 |
Soar | GY-0607 | ไทเทเนียม | 230 |
วิธีเลือกเครื่องหนีบผมที่เหมาะกับคุณ
การเลือก ที่หนีบผมใช้ดี ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่างเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเส้นผมและไลฟ์สไตล์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุของแผ่นหนีบ อุณหภูมิที่เหมาะสม หรือฟีเจอร์เสริมที่ช่วยให้การจัดแต่งทรงผมเป็นเรื่องง่ายขึ้น
1. ประเภทของแผ่นหนีบ: เลือกให้เหมาะกับสภาพเส้นผม
- เซรามิก: กระจายความร้อนได้สม่ำเสมอ ช่วยลดการทำร้ายเส้นผม เหมาะสำหรับผมธรรมดาถึงผมเสีย
- ไทเทเนียม: ร้อนเร็วและสามารถรักษาความร้อนได้ดี เหมาะสำหรับ ที่หนีบผมสำหรับผมหนา และผมหยาบ
- ทัวร์มาลีน: ปล่อยประจุลบช่วยลดไฟฟ้าสถิต ทำให้ผมเงางามและเรียบลื่น เหมาะสำหรับผมที่แห้งเสีย
2. ความร้อนที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผม
- ผมบาง / ผมแห้งเสีย: ควรใช้เครื่องหนีบผมที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ต่ำ (120-160°C) เพื่อลดการทำลายเส้นผม
- ผมธรรมดา: อุณหภูมิที่แนะนำอยู่ในช่วง 160-180°C
- ผมหนา / ผมหยิก: ต้องใช้ความร้อนสูงขึ้น (180-230°C) เพื่อให้ผมตรงได้ง่ายและอยู่ทรงนาน
3. เครื่องหนีบผมไร้สาย vs มีสาย: แบบไหนดีกว่ากัน?
- เครื่องหนีบผมไร้สาย: พกพาสะดวก เหมาะสำหรับเดินทางหรือใช้ระหว่างวัน แต่ต้องชาร์จแบตเตอรี่
- เครื่องหนีบผมแบบมีสาย: ใช้งานได้ต่อเนื่องและให้ความร้อนคงที่ แต่ต้องเสียบปลั๊กระหว่างใช้งาน
4. ฟีเจอร์พิเศษที่ควรพิจารณา
- เทคโนโลยีไอออนลบ: ลดไฟฟ้าสถิต ทำให้ผมเรียบลื่น เงางาม และลดปัญหาผมชี้ฟู
- ที่หนีบผมขนาดเล็ก / เครื่องหนีบผมมินิ: เหมาะสำหรับพกพา ใช้เก็บรายละเอียด เช่น หนีบหน้าม้า
- ที่หนีบผมลอน: เครื่องหนีบที่สามารถใช้ม้วนลอนได้ ช่วยเพิ่มลูกเล่นในการทำทรงผม
การเลือก เครื่องหนีบผมที่เหมาะกับคุณ ไม่เพียงช่วยให้คุณจัดแต่งทรงผมได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันไม่ให้เส้นผมเสียจากความร้อนมากเกินไปอีกด้วย
วิธีใช้เครื่องหนีบผมให้ถูกต้อง ไม่ทำให้ผมเสีย
การใช้ เครื่องหนีบผม อย่างถูกวิธีจะช่วยลดปัญหาผมแห้งเสียและชี้ฟู พร้อมทั้งช่วยให้ผมตรงสวยและเงางามมากขึ้น มาดู วิธีหนีบผมไม่ให้เสีย ที่ถูกต้องกัน
1. ปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับสภาพเส้นผม
อุณหภูมิที่สูงเกินไปอาจทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นและแห้งเสีย ควรเลือกอุณหภูมิที่เหมาะสมดังนี้
- ผมบาง / ผมเสียง่าย → ใช้ความร้อนต่ำ 120-160°C
- ผมธรรมดา → ปรับอุณหภูมิ 160-180°C
- ผมหนา / ผมหยิก → ใช้อุณหภูมิสูง 180-230°C
2. ใช้เซรั่มหรือสเปรย์ป้องกันความร้อนก่อนหนีบผม
ก่อนใช้เครื่องหนีบผมทุกครั้ง ควรใช้ผลิตภัณฑ์ ป้องกันผมชี้ฟู และลดความเสียหายจากความร้อน เช่น
- สเปรย์กันความร้อน (Heat Protectant Spray) ป้องกันเส้นผมไม่ให้โดนความร้อนโดยตรง
- เซรั่มบำรุงผม เพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยให้ผมเงางามหลังหนีบ
3. หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องหนีบผมบ่อยเกินไป
- หากต้องการให้ผมสุขภาพดี ควรหนีบผม ไม่เกิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการหนีบซ้ำ ๆ บริเวณเดิมหลายครั้ง เพราะจะทำให้เส้นผมเปราะบางและแตกปลาย
4. บำรุงผมหลังหนีบ เพื่อรักษาความเงางาม
หลังจากใช้เครื่องหนีบผม ควรดูแลเส้นผมด้วยผลิตภัณฑ์ บำรุงผมหลังหนีบ เช่น
- น้ำมันใส่ผม (Hair Oil) ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและป้องกันผมแห้งแตกปลาย
- ครีมบำรุงผมแบบไม่ต้องล้างออก (Leave-in Conditioner) ช่วยฟื้นฟูเส้นผมที่เสียจากความร้อน
5. ใช้เครื่องหนีบผมให้ถูกวิธี
✅ แบ่งผมออกเป็นช่อ ๆ ก่อนหนีบ
✅ หนีบช้า ๆ แต่ไม่ต้องหยุดนานที่จุดเดิม
✅ ใช้แผ่นหนีบที่เคลือบเซรามิกหรือทัวร์มาลีนเพื่อลดความเสียหาย
การ ใช้เครื่องรีดผมให้ถูกวิธี ไม่เพียงช่วยให้ผมตรงสวย แต่ยังช่วยลดความเสียหายและป้องกันผมเสียในระยะยาว! 😊
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
เครื่องหนีบผมที่ใช้แล้วไม่ทำให้ผมเสียมีไหม?
มี! ปัจจุบันมี ที่หนีบผมแบบไหนดี ที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสียหายของเส้นผม โดยใช้เทคโนโลยีป้องกันความร้อน เช่น
เทคโนโลยีไอออนลบ ช่วยลดไฟฟ้าสถิตและทำให้ผมเงางามขึ้น
ที่หนีบผมไอน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้เส้นผม ป้องกันไม่ให้ผมแห้งเสียจากความร้อน
ที่หนีบผมดิจิตอล มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ ทำให้สามารถเลือกอุณหภูมิที่เหมาะกับสภาพเส้นผมได้
นอกจากนี้ ควรเลือกเครื่องที่มีแผ่นหนีบเคลือบทัวร์มาลีนหรือเซรามิก เพื่อลดการทำร้ายเส้นผมจากความร้อนโดยตรง
ควรใช้ที่หนีบผมบ่อยแค่ไหน?
การใช้เครื่องหนีบผมทุกวันอาจทำให้เส้นผมแห้งเสียได้ ควรเว้นระยะการใช้งาน เช่น
ผมสุขภาพดี: ใช้ได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ควรใช้สเปรย์กันความร้อน
ผมแห้งเสีย: ควรจำกัดการใช้ไม่เกิน 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ และใช้ที่หนีบผมที่มีเทคโนโลยีปกป้องเส้นผม
เครื่องหนีบผมแบบไร้สายดีไหม?
ข้อดี:
✔️ พกพาสะดวก เหมาะสำหรับเดินทาง
✔️ ใช้งานง่าย ไม่มีสายเกะกะ
ข้อเสีย:
❌ ต้องชาร์จแบตเตอรี่ อาจใช้งานต่อเนื่องได้ไม่ยาวนาน
❌ ความร้อนอาจไม่คงที่เท่ากับเครื่องที่เสียบปลั๊ก
หากต้องการใช้ ที่หนีบผมไอน้ำ หรือ ที่หนีบผมดิจิตอล ที่มีความร้อนสม่ำเสมอ การเลือกเครื่องที่มีสายจะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่า แต่ถ้าต้องการความสะดวกสำหรับการพกพา เครื่องหนีบผมไร้สายก็เป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน
สรุป (Conclusion)
การเลือก เครื่องหนีบผมที่ดีที่สุด ควรคำนึงถึงวัสดุของแผ่นหนีบ ฟีเจอร์เสริม และอุณหภูมิที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผม ซึ่งในบทความนี้ เราได้แนะนำ 9 เครื่องหนีบผม ยี่ห้อไหนดี 2025 ที่ได้รับความนิยม โดยแต่ละรุ่นมีข้อดีที่แตกต่างกัน เช่น
✅ Philips 5000 Series BHS530/00 – เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเครื่องหนีบที่ถนอมเส้นผมและมีเทคโนโลยีปล่อยไอออนลบ
✅ Panasonic EH-HS9B-KL – เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผมเงางามและลดผมชี้ฟูด้วยเทคโนโลยี Nanoe
✅ LESASHA Super Vibrate 10LS00382 – เหมาะสำหรับคนที่ชอบการจัดแต่งทรงผมลอน
✅ KIKI&CO Straight & Curve – มีฟังก์ชันม้วนผมในตัว เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเครื่องที่ใช้งานได้หลากหลาย
✅ ที่หนีบผมขนาดเล็ก เช่น LESASHA Smart Hair Crimper LS1524 – เหมาะสำหรับพกพาหรือใช้หนีบหน้าม้า
เครื่องหนีบผมที่เหมาะกับแต่ละประเภทผม
- ผมบาง / ผมแห้งเสีย: ควรเลือกที่หนีบที่มีอุณหภูมิต่ำ เช่น Philips HP8321 หรือ ที่หนีบผมไอน้ำ
- ผมธรรมดา: ใช้เครื่องที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ เช่น LESASHA Smart Hair Crimper LS1524
- ผมหนา / ผมหยิก: ควรใช้เครื่องที่มีแผ่นไทเทเนียมหรือปรับความร้อนได้สูง เช่น Panasonic EH-HS9B-KL หรือ Super V Nano Ceramic SU 9022
🔗 บทความที่เกี่ยวข้อง
- 🔗 10 ไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี 2025 เป่าผมแห้งไว ลดผมเสีย ลมแรง เงียบ ทนทาน
- 🔗 เช็คราคาและส่วนลดเครื่องหนีบผมรุ่นยอดนิยมใน Shopee
📢 หากบทความนี้เป็นประโยชน์ อย่าลืมกดแชร์ให้เพื่อน ๆ ของคุณ เพื่อช่วยให้พวกเขาเลือก ที่หนีบผมที่ดีที่สุด ได้ตรงกับความต้องการ! 😊