Xiaomi 15 Ultra สมาร์ทโฟนเรือธง 2025 รีวิวสเปก กล้อง ชิปเซ็ต และราคา

[NEW] Xiaomi 15 Ultra 16+512/16+1024 กล้องหลัก Leica 1 นิ้ว กล้อง Telephoto 200MP| เลนส์ออปติคอล Summilux จาก Leica

฿ 42,990 ฿ 47,767

ซื้อตอนนี้รับส่วนลดเพิ่ม!

Shopee.co.th

รีวิว Xiaomi 15 Ultra สมาร์ทโฟนกล้องเทพแห่งปี 2025

หนึ่งในไลน์อัปสมาร์ทโฟนกล้องที่เราชื่นชอบได้รับการอัปเกรดใหม่ และโมเดลล่าสุดมาพร้อมกับกล้องเทเลโฟโตรระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรม เพิ่มเข้ามาในชุดฮาร์ดแวร์สุดแกร่งที่มีโลโก้ Leica ประทับอยู่ด้านหลัง Xiaomi 15 Ultra จึงมีโอกาสสูงที่จะเป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพได้ดีที่สุดในปี 2025

หากคุณยังไม่ได้ติดตามข้อมูลอัปเดต กล้องเทเลโฟโตรตัวที่ยาวกว่าบน Xiaomi 15 Ultra มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ขนาด 1/1.4 นิ้ว ความละเอียด 200MP ที่เราเคยเห็นและชื่นชอบในรุ่นอื่น ๆ คราวนี้จับคู่กับเลนส์ที่มีระยะเทียบเท่า 100 มม. (ซูม 4.3 เท่า) แม้ว่าจะไม่ใช่แพ็กเกจเดียวกับที่ vivo ใช้ใน X100 Ultra และ X200 Pro หรือกล้องซูมของ Honor Magic7 Pro แต่ก็ยังมีอะไรให้ค้นพบอีกมาก

โครงสร้างการซูมถูกปรับใหม่ โดยกล้องเทเลตัวสั้นตอนนี้ให้ระยะซูม 3 เท่า (จากเดิม 3.2 เท่าใน 14 Ultra) ส่วนกล้องหลักยังคงเป็นเซ็นเซอร์ขนาด 1 นิ้วเช่นเดิม แต่เปลี่ยนจากเลนส์รูรับแสงปรับได้มาเป็นเลนส์รูรับแสงคงที่ กล้องอัลตร้าไวด์ตัวใหม่อาจดูเหมือนถูกลดสเปกลงและไม่ได้มีความน่าตื่นเต้นมากนัก แต่ต้องรอดูผลลัพธ์จากการใช้งานจริง ส่วนกล้องหน้าสำหรับเซลฟี่ก็คงไม่ได้ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างที่คาดไว้

Xiaomi 15 Ultra ยังอยู่ในกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับท็อปของปีนี้ โดยเลือกใช้แนวทางมาตรฐานคือการติดตั้งชิปเซ็ตที่ดีที่สุดจาก Qualcomm (ในขณะที่ vivo และ Oppo หันไปใช้ Mediatek) ความจุแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นอีกหนึ่งการอัปเกรดที่น่ายินดี นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนจากระบบสแกนนิ้วแบบออปติคอลมาเป็นระบบอัลตราโซนิกเพื่อความแม่นยำและปลอดภัยยิ่งขึ้น

แกะกล่อง Xiaomi 15 Ultra

Xiaomi 15 Ultra มาในกล่องกระดาษแข็งสีดำตามปกติ แต่เมื่อสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามีความแตกต่างบางอย่าง กล่องของรุ่นนี้มีขนาดเล็กลงกว่าที่เคยเห็นกัน โดยเฉพาะในเวอร์ชันที่จำหน่ายในยุโรป (ซึ่งเป็นเครื่องรีวิวของเรา) และมีสัญลักษณ์ใหม่ที่แสดงรูปอะแดปเตอร์พร้อมเครื่องหมายกากบาท ซึ่งเป็นการบอกเป็นนัยว่าทำไมกล่องถึงมีขนาดกะทัดรัดขึ้น

ตามที่คาดไว้ ชุดจำหน่ายจริงจะไม่มีอะแดปเตอร์แถมมาให้ แต่ยังคงมีสายชาร์จมาให้ในกล่อง อย่างไรก็ตาม สายที่ให้มาคือสาย USB-A to USB-C ซึ่งอาจไม่สะดวกนักหากคุณพยายามเปลี่ยนไปใช้ USB-C เต็มรูปแบบ (ซึ่งควรทำมานานแล้ว) แต่ก็น่าจะไม่มีปัญหาสำหรับคนที่มีอะแดปเตอร์ USB Power Delivery และสาย USB-C แบบ 5A อยู่แล้ว

นอกจากนี้ ในกล่องยังมีเคสใสแบบสแนปออนให้มาด้วย คุณภาพค่อนข้างดี แม้จะไม่ได้ปกป้องตัวเครื่องแบบรอบด้าน แต่ก็เป็นทางเลือกที่ดีระหว่างการป้องกันตัวเครื่องและการโชว์ดีไซน์ของโทรศัพท์ให้ยังมองเห็นได้

Xiaomi 15 Ultra การออกแบบ การประกอบ และคุณภาพ

เป็นเรื่องปกติที่สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จะมีดีไซน์แทบไม่ต่างจากรุ่นก่อน (Samsung และ Apple ก็ทำแบบนี้) แต่ Xiaomi 15 นั้นเหมือนเดิมทุกอย่าง แม้แต่สีที่มีให้เลือก ได้แก่ ดำ ขาว และเขียว ผมได้เครื่องสีดำมารีวิว และต้องบอกว่าผมชอบดีไซน์ของมัน มันเป็นโทรศัพท์ที่กะทัดรัด ใช้งานมือเดียวได้ง่าย ผิวด้านช่วยกันรอยนิ้วมือ และขอบโค้งมนทำให้จับถือสบาย

Xiaomi 15 Ultra นั้นต่างออกไป มันถูกครอบงำด้วยโมดูลกล้องขนาดมหึมาด้านหลัง ซึ่งทำให้เครื่องหนักด้านบน เหมือนกับ 14 Ultra การใส่เคสจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันรอยขีดข่วนบนกล้อง โมดูลที่นูนขึ้นอาจทำให้หยิบออกจากกระเป๋ายาก และอาจมีปัญหากับที่ชาร์จไร้สายบางรุ่นเพราะวางเครื่องให้ราบไม่ได้

โชคดีที่ Xiaomi ได้เพิ่มลูกเล่นให้กับ ดีไซน์ของ 15 Ultra โดยใช้สีเงินโครเมียมและหนังเทียมสีดำเพื่อให้ดูหรูหราและเข้ากับความเป็นกล้อง Leica นอกจากนี้ยังมีรุ่น สีดำพร้อมขอบแดง รอบโมดูลกล้อง แต่ผมได้สีขาวที่มีลวดลายหินอ่อนจาง ๆ ซึ่งดูเรียบที่สุดในบรรดาสีที่มีให้เลือก

ทั้ง Xiaomi 15 และ 15 Ultra ได้รับมาตรฐานกันน้ำ IP68 และใช้ Shield Glass ของ Xiaomi โดยใน Ultra ใช้เวอร์ชันที่อัปเกรดเป็น 2.0

หน้าจอและเสียง

• Xiaomi 15 ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.36 นิ้ว ความละเอียด 3,670 × 1,200 พิกเซล
• Xiaomi 15 Ultra ใช้หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.73 นิ้ว ความละเอียด 3,200 × 1,440 พิกเซล

ทั้งสองรุ่นมีอัตรารีเฟรช 1-120Hz แบบปรับอัตโนมัติ ให้ภาพที่ลื่นไหลและช่วยประหยัดพลังงาน ความสว่างสูงสุด 3,200 nits รองรับ Dolby Vision และ HDR10+ ซึ่งสว่างขึ้นเล็กน้อยจากรุ่นก่อน และเป็นหน้าจอคุณภาพสูงมาก

ลำโพง สเตอริโอ ให้เสียงที่ดีเกินมาตรฐานสมาร์ทโฟนทั่วไป

ประสิทธิภาพและแบตเตอรี่

Xiaomi 15 และ 15 Ultra ใช้ Snapdragon 8 Elite

• Xiaomi 15 มี RAM 12GB และความจุ 256GB หรือ 512GB (UFS 4.0)
• Xiaomi 15 Ultra มี RAM 16GB และความจุ 512GB หรือ 1TB (UFS 4.1)

ผมทดสอบ ดูวิดีโอ เล่นเกม และใช้งานทั่วไป บนทั้งสองรุ่น และพบว่าระบบทำงานได้ลื่นไหลมาก Ultra อาจแรงกว่าเล็กน้อย แต่ในการใช้งานทั่วไปแทบไม่รู้สึกถึงความต่าง ยกเว้นตอนใช้กล้อง

แบตเตอรี่ถูก อัปเกรดขึ้นจากรุ่นก่อน

• Xiaomi 15 เพิ่มเป็น 5,240mAh (จาก 4,610mAh)
• Xiaomi 15 Ultra เพิ่มเป็น 5,410mAh (จาก 5,000mAh)

หลังจากใช้งานถ่ายรูป ท่องเว็บ และเล่นเกมระหว่างเดินทางใน Edinburgh, Scotland Xiaomi 15 Ultra เหลือแบต มากกว่า 30% ถือว่าอึดมาก

การชาร์จ

• Xiaomi 15 Ultra รองรับ ชาร์จไว 90W และ ชาร์จไร้สาย 80W
• Xiaomi 15 รองรับ ชาร์จไว 90W และ ชาร์จไร้สาย 50W
• ไม่มีหัวชาร์จแถมมาให้ในกล่อง
• รองรับมาตรฐาน QC 3+, PD 3.0 และ Qi

การชาร์จเร็วทำให้เครื่อง ร้อนขึ้นเล็กน้อย ผมแอบเสียดายที่ ไม่มี Qi2 ซึ่งจะช่วยให้สามารถใช้ แม่เหล็กดูดติดกับอุปกรณ์เสริมและชาร์จได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะสะดวกมาก โดยเฉพาะกับ 15 Ultra ที่วางบนที่ชาร์จไร้สายได้ยากกว่า

เลนส์เทเลโฟโต้ใหม่ 200MP ที่โดดเด่น ส่วนที่เหลือแทบไม่เปลี่ยนแปลง

Xiaomi ทำได้ดีมากกับฮาร์ดแวร์กล้องของ 14 Ultra และแทบไม่มีจุดให้พัฒนาเพิ่มใน 15 Ultra ยกเว้นจุดหนึ่งที่ชัดเจน—เลนส์เทเลโฟโต้ 200MP ที่เริ่มปรากฏในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ และแน่นอนว่ามันต้องมาอยู่ใน สุดยอดมือถือกล้องของ Xiaomi ปีนี้

ระบบกล้องซูมที่พัฒนาใหม่

ต่างจากคู่แข่งอย่าง Vivo (เลนส์ 85 มม.) และ Honor (60/72 มม.) Xiaomi เลือกใช้เลนส์เทเลโฟโต้ที่ยาวขึ้นถึง 100 มม. (4.3x ซูม) จากกล้องหลักที่มีระยะ 23 มม.

บางคนอาจกังวลว่าระยะซูมนี้จะเว้นช่วงมากเกินไประหว่างกล้องหลักและกล้องเทเลโฟโต้ แต่ Xiaomi ใช้ ระบบกล้องซูม 2 ตัว เพื่อแก้ปัญหานี้ โดยใน 15 Ultra เลนส์ซูมระยะไกลถูกลดลงจาก 120 มม. เป็น 100 มม. ขณะที่เลนส์เทเลโฟโต้ระยะกลางก็ถูกลดลงจาก 3.2x เป็น 3x (70 มม.) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สมเหตุสมผล

ความสามารถในการโฟกัสระยะใกล้ของกล้องเทเลโฟโต้

• เลนส์ 4.3x (100 มม.) ไม่สามารถโฟกัสวัตถุที่อยู่ใกล้กว่า 40 ซม. ได้ ซึ่งถือว่าแพ้ Vivo X200 Pro ที่สามารถโฟกัสได้ที่ 12 ซม.
• เลนส์ 3x (70 มม.) สามารถโฟกัสใกล้สุดที่ 8.5 ซม. (ดีกว่า 14 Ultra ที่ทำได้ 10 ซม.)

ดังนั้น Xiaomi เลือกใช้เลนส์เทเลโฟโต้ระยะไกลที่มีระยะซูมมากขึ้น แต่ลดความสามารถในการโฟกัสใกล้ลง ซึ่งไม่เป็นปัญหาเพราะยังมีเลนส์ 3x ที่ช่วยชดเชยได้ ขณะที่ Vivo ซึ่งใช้ เลนส์เทเลโฟโต้ตัวเดียว ต้องหาสมดุลระหว่างทั้งสองอย่างเอง

การเปลี่ยนแปลงของกล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์

• กล้องหลัก 50MP ยังคงเป็น Sony LYT-900 ขนาด 1 นิ้ว แต่ Xiaomi เลิกใช้รูรับแสงปรับได้ แล้วเปลี่ยนเป็น f/1.63 แบบคงที่ ซึ่งไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการใช้งานจริง
• กล้องอัลตร้าไวด์ 50MP ดูเหมือนจะถูกลดสเปกลงเล็กน้อย ด้วยเซ็นเซอร์ที่เล็กลง เลนส์ที่รูรับแสงแคบขึ้น และมุมมองที่แคบลงเล็กน้อย ต้องรอดูผลลัพธ์จริงว่าจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของภาพแค่ไหน

สเปกกล้อง Xiaomi 15 Ultra

📷 กล้องหลัก (Wide)

• 50MP Sony LYT-900 (เซ็นเซอร์ 1 นิ้ว, ขนาดพิกเซล 1.6µm – 3.2µm)
• f/1.63, 23 มม., Dual-pixel PDAF, Laser AF, OIS
• รองรับวิดีโอ 8K@30fps / 4K@120fps

📷 กล้องอัลตร้าไวด์

• 50MP Samsung ISOCELL JN5 (เซ็นเซอร์ 1/2.76″, พิกเซล 0.64µm-1.128µm)
• f/2.2, 14 มม., Multi-directional PDAF
• รองรับวิดีโอ 8K@30fps / 4K@60fps

📷 กล้องเทเลโฟโต้ 3x (70 มม.)

• 50MP Sony IMX858 (เซ็นเซอร์ 1/2.51″, พิกเซล 0.7µm-1.4µm)
• f/1.8, Dual-pixel PDAF, OIS
• รองรับโฟกัสใกล้สุดที่ 8.5 ซม.
• รองรับวิดีโอ 8K@30fps / 4K@60fps

📷 กล้องเทเลโฟโต้ 4.3x (100 มม.)

• 200MP Samsung ISOCELL HP9 (เซ็นเซอร์ 1/1.4″, พิกเซล 0.56µm-2.24µm)
• f/2.6, Multi-directional PDAF, OIS
• รองรับโฟกัสใกล้สุดที่ 40 ซม.
• รองรับวิดีโอ 8K@30fps / 4K@120fps

🤳 กล้องหน้า

• 32MP OmniVision OV32B40 (เซ็นเซอร์ 1/3.14″, พิกเซล 0.7µm-1.4µm)
• f/2.0, 22 มม., Fixed Focus
• รองรับวิดีโอ 4K@60fps

การบันทึกวิดีโอของ Xiaomi 15 Ultra

Xiaomi 15 Ultra รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 8K@30fps บนกล้องหลังทั้งหมด ขณะที่กล้องแต่ละตัวรองรับความละเอียดสูงสุดแตกต่างกัน ดังนี้:

• กล้องหลัก และกล้องเทเลโฟโต้ 4.3x – รองรับสูงสุด 4K@120fps
• กล้องอัลตร้าไวด์ และกล้องเทเลโฟโต้ 3x – รองรับสูงสุด 4K@60fps
• กล้องเซลฟี่ – รองรับสูงสุด 4K@60fps

นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกบันทึกวิดีโอด้วย โคเดก H.264 หรือ H.265 ได้ตามปกติ และรองรับ Dolby Vision ที่ความละเอียดสูงสุด 4K@60fps สำหรับกล้องหลัง และ 4K@30fps สำหรับกล้องหน้า

คุณสมบัติเด่นในการบันทึกวิดีโอ
✅ ระบบติดตามโฟกัส (AF tracking) – เปิด/ปิดได้จากการตั้งค่า และเลือกใช้แบบอัตโนมัติหรือแตะสองครั้งเพื่อล็อกโฟกัส
✅ ระบบบันทึกเสียงแบบเชิงพื้นที่ – ให้เสียงที่สมจริงยิ่งขึ้น
✅ ระบบกันสั่นวิดีโอ (EIS) – เปิดใช้งานตลอดเวลา
✅ โหมด ‘ShootSteady’ – รองรับสูงสุด 2.8K@30fps
✅ โหมดวิดีโอโปร (Pro Video Mode) – ควบคุม ค่าการเปิดรับแสงแบบแมนนวล, บันทึกแบบ LOG, รองรับ LUTs, และ เวฟฟอร์มขนาดเล็ก

ข้อสังเกต:
❌ ไม่มีโหมด 24fps สำหรับการถ่ายแบบภาพยนตร์

คุณภาพวิดีโอของ Xiaomi 15 Ultra

📌 เวลากลางวัน – คุณภาพโดยรวมดีมาก กล้องทุกตัวให้ภาพคมชัด รายละเอียดดี ไม่มีจุดรบกวน แต่โทนสีและคอนทราสต์ถูกลดลงเล็กน้อยจากรุ่นก่อน ทำให้ภาพดู “เป็นผู้ใหญ่” มากขึ้น แต่บางคนอาจชอบโทนภาพที่มีชีวิตชีวามากกว่านี้

📌 การซูม – ที่ระยะ 2x และ 10x คุณภาพของ 15 Ultra ดีขึ้นจากรุ่นก่อนชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในช่วงซูมบางระดับ 14 Ultra ยังคงให้ภาพที่ดูดีกว่าเล็กน้อย

📌 เวลากลางคืน – กล้องหลัก และกล้องเทเลโฟโต้ 4.3x ทำได้ดีมาก แต่กล้องอื่น ๆ ไม่ได้โดดเด่นเป็นพิเศษ

📌 ระบบกันสั่น (EIS) – อยู่ในระดับดีแต่ต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ขณะเดินถ่ายอาจสังเกตเห็นอาการสั่นเล็ก ๆ ซึ่งสมาร์ทโฟนระดับเรือธงส่วนใหญ่ควรจัดการได้ดีกว่านี้ อย่างไรก็ตาม การแพนกล้องทำได้ราบรื่น และหากยืนนิ่ง ๆ แล้วหมุนกล้อง ก็ยังให้ภาพที่เสถียรพอสมควร

โดยรวมแล้ว Xiaomi 15 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนที่มีกล้องวิดีโอระดับท็อป แม้จะมีจุดที่ต้องปรับปรุง แต่ยังคงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับสายถ่ายวิดีโอ 🎥

Hyper AI และ HyperOS 2 บน Xiaomi 15 Ultra

ปีนี้ทุกค่ายสมาร์ทโฟนต่างพัฒนา AI กันอย่างหนัก และ Xiaomi ก็ไม่น้อยหน้า ด้วยการนำ AI เข้ามาใน HyperOS 2 ซึ่งทำงานบน Android 15 ฟีเจอร์ AI ในระบบนี้ช่วยให้คุณ ถอดเสียง แปลภาษา สรุปเนื้อหา และแนะนำการเขียน รวมถึงมี เครื่องมือแต่งภาพอัจฉริยะ ที่สามารถลบคนออกจากภาพ กำจัดเงาสะท้อน และเพิ่มเอฟเฟกต์พิเศษ อย่างไรก็ตาม ต้องลงชื่อเข้าใช้บัญชี Xiaomi เพื่อใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้ ซึ่งอาจเป็นข้อเสียสำหรับบางคน

AI สำหรับแต่งภาพและการถอดเสียง

• ฟีเจอร์ AI ตัดต่อภาพ ถือว่าน่าสนใจ แต่บางอย่างยังให้ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ เช่น Photo Expansion (ขยายภาพ)
• ฟีเจอร์ลบเงาสะท้อน และลบวัตถุ ทำงานได้ดีและมีประโยชน์
• ฟีเจอร์ Enhance (ปรับปรุงภาพ) บางครั้งให้ผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน

สำหรับ AI ถอดเสียง (Transcription) แม้จะทำงานได้ดี แต่ยังช้ากว่าและไม่แม่นยำเท่า Google Recorder บน Pixel ส่วน AI ช่วยเขียน เหมาะกับการปรับแก้ข้อความ แต่เมื่อขอไอเดียกลับให้คำตอบแค่ข้อเดียว ต่างจาก Google Gemini ที่ให้ตัวเลือกหลายข้อ

HyperOS 2 และประสบการณ์ใช้งาน

HyperOS 2 มีดีไซน์คล้าย iOS เช่น

• ปัดลงจากมุมซ้ายบน เพื่อดู การแจ้งเตือน
• ปัดลงจากมุมขวาบน เพื่อเข้าถึง การตั้งค่าด่วน

แต่มีข้อเสียคือ ไอคอนไม่มีป้ายกำกับ ทำให้ใช้งานยากขึ้น

Xiaomi ยังให้คุณเลือก App Drawer หรือ เลย์เอาต์แบบดั้งเดิม และสามารถปรับแต่งได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังคงมี Bloatware (แอปที่ติดมากับเครื่อง) เยอะ เช่น

• สามารถ ลบ Facebook ได้
• แต่ App Mall, Mi Browser และแอป Xiaomi อื่น ๆ ลบไม่ได้

Xiaomi ให้ อัปเดต Android 4 เวอร์ชัน และแพตช์ความปลอดภัย 6 ปี ซึ่งแม้จะยังสั้นกว่า Google, Samsung และ Honor แต่ก็นับว่าเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้น

สเปค Xiaomi 15 Ultra เทียบกับ Xiaomi 14 Ultra, Samsung Galaxy S25 Ultra, OnePlus 13

สรุป: Xiaomi 15 Ultra คุ้มค่าแค่ไหน?

Xiaomi 15 Ultra เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่ยอดเยี่ยม แต่ในตลาดมีตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่าหลายรุ่น หากคุณใช้ Xiaomi 14 Ultra หรือแม้แต่ Xiaomi 13 Ultra อาจไม่จำเป็นต้องอัปเกรด หากมองหาทางเลือกอื่น Samsung Galaxy S25 Ultra และ Honor Magic 7 Pro เป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่ง โดย Magic 7 Pro ใช้กล้อง 3 ตัวแต่ยังคงมีรูรับแสงแบบปรับได้ นอกจากนี้ Oppo Find X8 Ultra ก็กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ อาจเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ

ในส่วนของราคานั้น Xiaomi 15 และ Xiaomi 15 Ultra

-10%

Shopee.co.th

฿ 42,990 ฿ 47,767

[NEW] Xiaomi 15 Ultra 16+512/16+1024 กล้องหลัก Leica 1 นิ้ว กล้อง Telephoto 200MP| เลนส์ออปติคอล Summilux จาก Leica

ซื้อตอนนี้รับส่วนลดเพิ่ม!

-12%

Shopee.co.th

฿ 29,990 ฿ 34,080

[NEW] Xiaomi 15 12+512 เลนส์ออปติคอล Summilux จาก Leica|Xiaomi HyperAI| ชิปเซ็ต Snapdragon® 8 Elite

ซื้อตอนนี้รับส่วนลดเพิ่ม!

นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่สั่งจองล่วงหน้า ยังมี Photography Kit จำหน่ายในราคา (ประมาณ 7,800 บาท)​

ข้อมูลจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Xiaomi ประเทศไทย : www.mi.com